เรียนภาษาอังกฤษจากเพลง 12 เพลง Mask Singer เผลอใจรักภาษาอังกฤษ :Part II
เรียนภาษาอังกฤษจากเพลง ? หลังจากคราวที่แล้ว เราได้ เรียนภาษาอังกฤษจากเพลง
- All of me : หน้ากากระฆัง
- Don’t speak – หน้ากากนกฮูก
ฝึกพูดภาษาอังกฤษโดยใช้เพลง 3. Hurt – หน้ากากโพนี่
มีคนถามว่าทำไมต้องแบ่งเป็นสามภาค ก็ต้องบอกว่าเนื้อเพลงมันยาว ก็ต้องใช้เวลาในการซึมซับอรรถรสของเพลงหน่อย
และการเรียนรู้ในแต่ละเพลงก็ใช่จะน้อยๆ
ว่าแล้วก็ไปต่อกันเลยดีกว่า
วันนี้เราจะไปต่อ เรียนอังกฤษจากเพลงสนุกๆ เริ่มด้วยเพลงแซ่บๆอย่าง
4. I Don’t Want to Miss A Thing – หน้ากากเพชร เรียนภาษาอังกฤษจากเพลง
เรียนศัพท์ภาษาอังกฤษจากเพลง I Don’t Want to Miss A Thing – หน้ากากเพชร
เพลงนี้จะเรียนเป็นคำศัพท์เอานะครับ เป็นเพลงที่เป็นสุดยอดแห่งความเพราะเลย ตอนประกอบหนังแบบชอบสุดๆ
เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Armageddon แล้วเนื้อเพลงก็แบบสุดๆ
I could stay awake just to hear you breathing
Watch you smile while you are sleeping
While you’re far away and dreaming
I could spend my life in this sweet surrender
I could stay lost in this moment forever
Every moment spent with you is a moment I treasure
ฉันอาจลืมตาตื่นทั้งคืนเพื่อฟังเสียงลมหายใจของเธอ
มองดูเธอยิ้มเวลาที่เธอกำลังหลับ
เวลาที่เธออยู่ไกลออกไป ในความฝัน
ฉันยอมใช้ชีวิตของฉันในความจำนนอันแสนอ่อนหวานนี้
ฉันยอมถูกกลืนหายไปกับช่วงเวลานี้ ตลอดไป
ทุกช่วงเวลาที่ฉันอยู่กับเธอ คือช่วงเวลาดั่งสมบัติสำหรับฉัน
stay awake (V): ถ่างตาตื่น
just to (ADV): เพียงเพื่อ
hear (V): ได้ยิน
breathing (N): การหายใจ
Watch (V): เฝ้าดู
smile (V): ยิ้ม
while (CONJ): ขณะที่
sleeping (N): การนอนหลับ
far away (ADV): ไกลโข
dreaming (N): ความฝัน
spend my life (V): ใช้ชีวิต spend time ใช้เวลา Spend money ใช้เงิน
sweet (ADJ): แสนหวาน
surrender (N): การยอมจำนน
forever (ADV): ตลอดไป
moment (N): ชั่วขณะ
treasure (V): มีค่า
* Don’t want to close my eyes
I don’t want to fall asleep
Cause I’d miss you baby
And I don’t want to miss a thing
Cause even when I dream of you
The sweetest dream will never do
I’d still miss you baby
And I don’t want to miss a thing
ไม่อยากหลับตาลง
ฉันไม่อยากเผลอหลับไป
เพราะว่าฉันจะคิดถึงเธอคนดี
และฉันก็ไม่อยากพลาดสิ่งใดแม้เพียงสิ่งเดียว
เพราะถึงแม้ว่าฉันจะฝันถึงเธอ
ฝันอันแสนหวานที่สุดนั้นก็ไม่อาจเป็นจริงได้
ฉันก็ยังคิดถึงเธออยู่ดี
และฉันก็ไม่อยากพลาดแม้เพียงสิ่งเดียว
fall asleep (V): ง่วงหลับ
don’t want to miss a thing (IDM): ไม่อยากพลาดอะไรไป
Lying close to you feeling your heart beating
And I’m wondering what you’re dreaming
Wondering if it’s me you’re seeing
Then I kiss your eyes
And thank God we’re together
I just want to stay with you in this moment forever
Forever and ever
เอนกายใกล้ๆเธอ และรู้สึกถึงหัวใจเธอกำลังเต้นอยู่
และฉันก็สงสัยว่าเธอกำลังฝันว่าอะไร
สงสัยว่าใช่ฉันรึเปล่าที่เธอกำลังฝันถึง
จากนั้นฉันก็จูบเปลือกตาของเธอ
และขอบคุณพระเจ้าที่เราได้อยู่ด้วยกันตอนนี้
ฉันก็แค่อยากจะอยู่กับเธอในช่วงเวลานี้ตลอดไป
ตลอดไปและตลอดไป
Lying (N): การเอนตัวลงนอน
close to you IDM): ใกล้กับคุณ
heart beating (N): การเต้นของหัวใจ
together (ADV): อยู่ร่วมกัน
I don’t want to miss one smile
I don’t want to miss one kiss
I just want to be with you
Right here with you, just like this
I just want to hold you close
Feel your heart so close to mine
And just stay here in this moment
For all the rest of time
ฉันไม่อยากพลาดแม้เพียงรอยยิ้มเดียว
ฉันไม่อยากพลาดแม้เพียงรอยจูบเดียว
ฉันแค่อยากจะอยู่กับเธอ
ตรงนี้กับเธอ แบบนี้
ฉันแค่อยากจะกอดเธอใกล้ๆ
รู้สึกว่าหัวใจของเธออยู่ใกล้กับฉัน
และอยู่ตรงนี้ในช่วงเวลานี้เท่านั้น
ไปจนตลอดเวลาที่เหลือ
want to be with you (IDM): อยากอยู่กับคุณ
Right here (ADV): ที่นี่
just like this (ADV): แบบนี้แหละ
hold (V): โอบกอด
mine (PRON): ของฉัน
for all the rest of time (IDM): ไปจนตลอดเวลาที่เหลือ
ฝึกฟังภาษาอังกฤษจากเพลง
5. I have nothing – หน้ากากอียิปต์ เรียนภาษาอังกฤษจากเพลง
เพลงเดิมของ Whitney Houston
เป็นเพลงในภาพยนตร์เรื่อง The Bodyguard มีใครเกิดทันกันบ้างไหมครับ
Share my life, take me for what I am
Cause I’ll never change all my colours for you
Take my love, I’ll never ask for too much
Just all that you are and everything that you do
I don’t really need to look very much further
I don’t want to have to go where you don’t follow
I won’t hold it back again, this passion inside
Can’t run from myself
There’s nowhere to hide
Don’t make me close one more door
I don’t wanna hurt anymore
Stay in my arms if you dare
Or must I imagine you there
Don’t walk away from me…
I have nothing, nothing, nothing
If I don’t have you, you, you, you.
You see through, right to the heart of me
You break down my walls with the strength of you love
I never knew love like I’ve known it with you
Will a memory survive, one I can hold on to
I don’t really need to look very much further
I don’t want to have to go where you don’t follow
I won’t hold it back again, this passion inside
Can’t run from myself
There’s nowhere to hide
(Your love I’ll remember forever)
Don’t make me close one more door
I don’t wanna hurt anymore
Stay in my arms if you dare
Or must I imagine you there
Don’t walk away from me…
I have nothing, nothing, nothing
If I don’t have you, you, you, you.
ร่วมชีวิตกับฉันในแบบที่ฉันเป็น
เพราะฉันจะไม่เปลี่ยนตัวฉันเพื่อคุณ
โปรดรักฉัน ฉันไม่ได้ขอมากเกินไป
เป็นอย่างที่คุณเป็นทำอย่างที่คุณทำ
ฉันไม่ต้องการที่สิ่งที่ไกลไปจากนี้
ฉันแค่ไม่อยากไปที่ไหนหากคุณไม่ได้ตามไป
ฉันจะไม่ยับยั้งความรู้สึกในที่อยู่ใจ
ฉันไม่สามารถวิ่งหนีตัวเอง
ไม่มีที่จะซ่อนความรู่สึกนี้ได้
อย่าทำให้ฉันต้องปิดกั้นตัวเองอีกครั้ง
ฉันไม่อยากจะเจ็บอีก
อยู่ในอ้อมกอดฉันหากคุณกล้าพอ
หรือให้ฉันรู้สึกว่าคุณอยู่ตรงนั้น
อย่าไปจากฉัน
ฉันไม่เหลืออะไรหากไม่มีคุณ
หากมองตรงลงไปที่ใจฉัน
รักของคุณได้ทลายกำแพงใจนั้น
ฉันไม่เคยรู้จักความรักแบบที่เมื่ออยู่กับคุณ
ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาแห่งความทรงจำที่แนบแน่น
สิ่งที่เรียนภาษาอังกฤษจากเพลง
I have nothing, nothing, nothing
If I don’t have you, you, you, you.
ZERO Conditional Sentences
วิธีใช้: ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นความจริง
Zero conditional sentences ใช้สำหรับพูดถึงความจริงทั่วไป โดยใช้ present simple ในประโยคทั้งสองประโยค (ประโยคหนึ่งจะอยู่ในรูปของ if-clause ส่วนอีกประโยคจะอยู่ในรูปของ main-clause ครับ)
If + present simple, …. present simple. (คนไทยมักจะเขียนว่า If + subject + V1, subject + V1)
ประโยคแบบ zero conditional sentences ใช้พูดถึงกรณีที่ถ้าเกิดสิ่งหนึ่ง ต้องเกิดอีกสิ่งหนึ่งเสมอ เช่น If water reaches 100 degrees, it boils. เมื่ออุณหภูมิน้ำสูงเท่ากับ 100 องศาเซลเซียส น้ำจะเดือดเสมอ ซึ่งประโยคลักษณะนี้ เราจะใช้คำว่า when (เมื่อ) แทน if ก็ได้
ตัวอย่างเพิ่มเติม
Animal die if they don’t eat. สัตว์จะตายถ้าไม่กินอาหาร
If you touch a fire, you get burned. ถ้าแตะไฟก็จะโดนลวก
If people eat too much, they get fat. ถ้ากินมากจะอ้วน
If babies are hungry, they cry. ทารกจะร้องไห้ถ้ารู้สึกหิว
Zero conditional sentences จะใช้พูดถึงเรื่องจริงทั่วๆไป แต่ conditional sentences แบบต่อไปจะพูดถึงเหตุการณ์เฉพาะครับ
สำนวนที่น่าสนใจ
Don’t make me close one more door
สำนวน close the door จะมีความหมายว่า ทำให้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ตัดโอกาส อะไรทำนองนี้นะครับ ดังนั้น ในบริบทของเพลงนี้ อาจจะแปลได้ว่า “อย่าำทำให้ฉันต้องปฏิเสธเธอ” หรือ “อย่าำทำให้ฉันต้องตัดเธอออกไปจากชีวิต”
Cause I’ll never change all my colours for you
Color หมายถึง ความเป็นตัวตนที่แท้จริงของคุณ
this means showing someone your true personality
-At first I liked her, but after a while she showed her true colors, and now I can’t stand her.
เรียนภาษาอังกฤษจากเพลงสากล
6. If i ain’t got you – หน้ากากทุเรียน เรียนภาษาอังกฤษจากเพลง
Some people live for the fortune
Some people live just for the fame
Some people live for the power yeah
Some people live just to play the game
Some people think that the physical things define what’s within
And I’ve been there before
But that life’s a bore
So full of the superficial
บางคนอยู่เพื่อทรัพย์สิน
บางคนอยู่เพียงเพื่อชื่อเสียง
บางคนอยู่เพื่ออำนาจ
บางคนอยู่เพียงเพื่อเล่นเกม
บางคนคิดว่าสิ่งของแสดงถึงสิ่งที่อยู่ข้างใน
แต่ฉันได้เรียนรู้แล้ว
ว่าชีวิตช่างน่าเบื่อ
เต็มไปด้วยสิ่งฉาบฉวย
Some people want it all
But I don’t want nothing at all
If it ain’t you baby
If I ain’t got you baby
Some people want diamond rings
Some just want everything
But everything means nothing
If I ain’t got you
บางคนอยากได้ทุกสิ่ง
แต่ฉันไม่อยากได้อะไรเลย
ถ้ามันไม่ใช่เธอ
ถ้าฉันไม่มีเธอ
บางคนอยากได้แหวนเพชร
บางคนอยากได้ไปทุกสิ่ง
แต่ทุกสิ่งล้วนไม่มีความหมาย
หากฉันไม่มีเธอ
Some people search for a fountain
The promise is forever young
Some people need three dozen roses
And that’s the only way to prove you love them
บางคนค้นหาแหล่งน้ำ
หวังให้เยาว์วัยไปตลอดกาล
บางคนต้องการดอกกุหลาบสามโหล
และนั่นเป็นวิธีที่พิสูจน์ความรัก
Hand me the world on a silver platter
And what good would it be?
With no one to share, with no one who truly cares for me
ประเคนโลกใส่ถาดเงินให้ฉัน
แล้วมันจะดีได้อย่างไร
หากไม่มีใครจะแบ่งปัน ไม่มีคนที่ห่วงใยฉันอย่างแท้จริง
Some people want it all
But I don’t want nothing at all
If it ain’t you baby
If I ain’t got you baby
Some people want diamond rings
Some just want everything
But everything means nothing
If I ain’t got you, you, you
บางคนอยากได้ทุกสิ่ง
แต่ฉันไม่อยากได้อะไรเลย
ถ้ามันไม่ใช่เธอ
ถ้าฉันไม่มีเธอ
บางคนอยากได้แหวนเพชร
บางคนอยากได้ไปทุกสิ่ง
แต่ทุกสิ่งล้วนไม่มีความหมาย
หากฉันไม่มีเธอ
But everything means nothing
If I ain’t got you
If I ain’t got you with me baby
Nothing in this whole wide world don’t mean a thing
If I ain’t got you with me baby
แต่ทุกสิ่งล้วนไม่มีความหมาย
หากฉันไม่มีเธอ
หากฉันไม่มีเธออยู่กับฉัน
ทุกสิ่งในโลกอันกว้างใหญ่นี้ไร้ความหมาย
หากฉันไม่มีเธออยู่กับฉัน
สิ่งที่เรียนรู้จากเพลง
Ain’t คืออะไรนะ เจอในเพลงเยอะจัง!
Ain’t เนี่ยถ้าพูดให้ง่ายก็แปลว่า “No หรือ ไม่” ดีๆนั่นเองครับ อย่างเช่น I’m not like him. ก็เป็น I ain’t like him. (นิสัยชั้นไม่เหมือนเขานะ) , It is not going to happen. ก็ได้เป็น It ain’t going to happen. (มันไม่เกิดขึ้นหรอก)
หรืออย่างเพลง If I ain’t got you. ก็คือ If I haven’t got you. (ถ้าชั้นยังไม่ได้เธอมาครอบครอง) เริ่มเข้าใจยังครับ สรุปก็คือ อะไรที่เป็น is not, am not, have not, has not, do not อะไรเทือกนี้ แปลงเป็น ain’t ได้หมด อ่านว่า “เอ้นท์” ประมาณนี้นะ
แต่การใช้ ain’t มากไปอาจจะทำให้เราฟังดูเหมือนไม่มีการศึกษาได้ แต่แล้วบางคนจะมองครับ
ผมจึงแนะนำให้ไม่ใช้เยอะไป แต่ก็ยังใช้เล่นๆ กับเพื่อนได้ครับ
เรียนภาษาอังกฤษจากเพลง
7. My Generation – หน้ากากดำน้ำ เรียนภาษาอังกฤษจากเพลง
เพลงของ Limp Bizkit เคยฟังอยู่ครับตอนเด็กๆ มันส์หลายๆ แต่บทความนี้ยกมาจากเว็บ kimisaeireba เพราะทำการแปลและตีความได้แบบเหนือชั้นจริงๆ ทีมงาน Engfinity ขอคารวะและให้เครดิตเต็มไปเลยครับ
If only we could fly
Limp Bizkit style
John Otto, take ’em to the Matthews Bridge
Can you feel it?
My g-g-generation, get up!
My g-g-generation, are you ready?
หากเราบินได้
เนี่ยแหละ Limp Bizkit
เฮ้ย John Otto พาพวกแม่นไปโดดสะพาน Matthews Bridge ดิ
รู้สึกป่ะ?
นะ-นะ-นะ-นี่มันเจเนอเรชั่นของผม, ลุกเด่ [ท่อนนี้นี่ถือว่าบูชาครู – “คลิ๊ก”]
นะ-นะ-นะ-นี่มันยุคสมัยของเรา, พร้อมยัง?
Do you know where you are?
Welcome to the jungle punk, take a look around
It’s Limp Bizkit, fuckin’ up your town
We downloaded the Shockwave
For all the ladies in the cave to get your groove on
And maybe I’m the one
Who flew over the cuckoo’s nest but guess who’s next?
Generation X, generation strange
Sun don’t even shine through our window pane
คุณรู้ป่าวว่าคุณอยู่ที่ไหน?
ยินดีต้อนรับสู่ป่าขยะ, มองไปรอบๆดิ [อิงเพลง “Welcome to the Jungle” ของ GNR]
ตอนนี้ Limp Bizkit ขย่มเมืองห่านี้อยู่โว้ย
เราโหลดโปรแกรม Shockwave [อิงถึง ‘Adobe Shockwave’ ที่ใช้เปิดมีเดียต่างๆ]
มาให้พวกคุณผู้หญิงที่อยู่ในถ้ำเพื่อให้นายเริ่งร่าไงล่ะ
และฉันอาจเป็นไอ้คนนั้น
ไอ้บ้าที่ไปแหย่นังนกนั่น แล้วใครจะเป็นคนต่อไปว่ะ? [อิงถึงหนัง ‘บ้าก็บ้าวะ’]
เรามันเด็กยุคเจเนอเรชั่นเอ็กซ์, ยุคที่ใครก็คาดไม่ถึงโว้ย!
พระอาทิตย์ยังไม่ส่องผ่านกระจกบ้านพวกกูเลย
So go ahead and talk shit, talk shit about me
Go ahead and talk shit about my g-g-generation
Cause we don’t, don’t give a fuck, and
We won’t ever give a fuck until you
You give a fuck about me and my generation
เอาเลย, เอาดิ, พูดเรื่องห่าเหวของเราเลย
พูดถึงเรื่องห่าเหวของครับ-ครับ-คนยุคเราเลยสิว่ะ
เพราะเราแม่นไม่– เราไม่สนใจแม่นหรอก
เราจะไม่สนห่าเหวอะไร ไม่สนไปจนกว่า
คุณจะมาพูดเรื่องห่าเหวอะไรเกี่ยวกับเราและยุคสมัยของเรา
Hey kid, take my advice
You don’t want to step into a big pile of shit
Captain’s drunk, your world is Titanic
Floating on the funk, so get your groove on
And maybe I am just a little fucked up
Life’s just a little fucked up
Generation X, generation Strange
Sun don’t even shine through our window pane
เฮ้ยไอ้หนู ข้าบอกอะไรเอ็งให้
เอ็งไม่ต้องเสนอหน้าเข้าไปในกองขี้นั่นหรอก [เล่นคำโดยอิงถึงหนัง ‘Jurassic Park’ คลิ๊ก ‘ที่นี่’ ดูที่มา]
กัปตันแม่นเมา, เรือไททานิคของเอ็งมันกำลัง [อันนี้น่าจะรู้กันอิงถึง ‘Titanic’]
ลอยล่องอยู่บนกระแสฟังค์ ร่าเริงเข้าไว้สิว่ะ [ดนตรีที่ฮิตขึ้นมาตอนยุค 60 ยุคที่คนรุ่นก่อนหน้านี้เกิด]
บางทีฉันอาจจะฉิบหายไปแล้ว
ชีวิตแม่นก็ฉิบหายแบบนี้แหละโว้ย!
เรามันเด็กยุคเจเนอเรชั่นเอ็กซ์, ยุคที่ใครก็คาดไม่ถึงโว้ย!
พระอาทิตย์ยังไม่ส่องผ่านกระจกบ้านพวกกูเลย
So go ahead and talk shit, talk shit about me
Go ahead and talk shit about my g-g-generation
Cause we don’t, don’t give a fuck, and
We won’t ever give a fuck until you
You give a fuck about me and my generation
เอาเลย, เอาดิ, พูดเรื่องห่าเหวของเราเลย
พูดถึงเรื่องห่าเหวของครับ-ครับ-คนยุคเราเลยสิว่ะ
เพราะเราแม่นไม่– เราไม่สนใจแม่นหรอก
เราจะไม่สนห่าเหวอะไร ไม่สนไปจนกว่า
คุณจะมาพูดเรื่องห่าเหวอะไรเกี่ยวกับเราและยุคสมัยของเรา
Cause we don’t, don’t give a fuck, and
We won’t ever give a fuck until you
You give a fuck about me and my generation
[x2]
เราไม่สนหรอกโว้ย
อยากพูดอะไรก็พูดไปดิ
แต่อย่ามาแหย่มยุคกูดิ
Who gets the blame?
You get the blame and I get the blame
Who gets the blame?
You get the blame and I get the blame
But do you think we can fly?
Do you think we can fly?
Do you think we can fly?
Well I do, I do
Fly!
DJ Lethal… Bring it on!
Oooh yeah, come on!
ใครต้องโดนด่า?
คุณต้องโดนด่าและผมต้องโดนด่า
ตกลงต้องด่าใคร? [อะไรที่มันแย่ มันไม่ได้แย่แค่ยุคผม มันแย่มาตั้งยุคพวกคุณแล้ว]
แต่คุณคิดว่าเราบินได้ไหม?
คิดว่าเราบินได้หรือเปล่า? [หมายถึงเรามีอิสระไหม]
ใช่, กูบินได้ [ก็มีน่ะสิ – ถามได้]
บินเด่!
ไอ้ดีเจ Lethal จัดมาเลยโว้ย!
มาสิว่ะ
So go ahead and talk shit, talk shit about me
Go ahead and talk shit about my g-g-generation
Cause we don’t, don’t give a fuck, and
We won’t ever give a fuck until you
You give a fuck about me and my generation
เอาเลย, เอาดิ, พูดเรื่องห่าเหวของเราเลย
พูดถึงเรื่องห่าเหวของครับ-ครับ-คนยุคเราเลยสิว่ะ
เพราะเราแม่นไม่– เราไม่สนใจแม่นหรอก
เราจะไม่สนห่าเหวอะไร ไม่สนไปจนกว่า
คุณจะมาพูดเรื่องห่าเหวอะไรเกี่ยวกับเราและยุคสมัยของเรา
Cause we don’t, don’t give a fuck, and
We won’t ever give a fuck until you
You give a fuck about me and my generation
เพราะเราแม่นไม่– เราไม่สนใจแม่นหรอก
เราจะไม่สนห่าเหวอะไร ไม่สนไปจนกว่า
คุณจะมาพูดเรื่องห่าเหวอะไรเกี่ยวกับเราและยุคสมัยของเรานั่นแหละ
เบื่อจะฟังโว้ย!
“ถอดความ”
1965 มี “My Generation” ของ The Who ปี 2000 เราก็มี “My Generation” ของ Limp
อันที่จริงตัว 2000 ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากของตัว 1965 นั่นแหละ
ความหมายก็เหมือนๆกัน คืออย่ามาว่ายุคเรานักเลย รำคาญ!
ใช้วิธีระบายออกด้วยความเกรี้ยวกราดเหมือนกัน ก็เกรี้ยดกราดตามยุคสมัยของใครของมัน
โดยของ Limp Bizkit นี้จะไล่แขวะอะไรที่เป็นของคนยุค 80 เรี่ยราดไปหมด
เบื่อไหมล่ะครับเวลาคนพูดเริ่มต้นประโยคว่า “ไอ้เด็กยุคนี้นี่มัน… บลาบลาบลา” เบื่อเนอะ
ก็จริงๆแล้วความย่ำแย่มันไม่ได้เกิดแค่ภายใน 1-2 ปีหรือ 10 ปีนะครับ มันส่งต่อกันมาตั้งแต่รุ่นปู่
แล้วส่วนใหญ่พวกเด็กๆก็รับเอาอิทธิพลมาจากผู้ใหญ่ที่อยู่รอบตัวพวกเขาทั้งนั้น, ไม่ใช่หรอ?
ยุคใครยุคมันดีกว่าครับ สวัสดี : )
My Generaion เนื้อหาเพลงได้กล่าวถึงหลายๆเรื่องที่ต้องใช้ความรู้ทางดนตรี ทางทีมงานจึงขอคัดลอกเนื้อหาคุณภาพมาจากแหล่งอื่น เนื้อหาความรู้ตรงนี้ได้คัดลอกมาจากเว็บไซต์อื่นตามแหล่งอ้างอิงนะครับ
ที่มา การแปล ตีความหมาย My Generation : https://kimisaeireba.wordpress.com/2016/12/31/limp-bizkit-my-generation/
เนื้อเพลง ทุกเพลง เพื่อประโยชน์ในการศึกษาเท่านั้น เรียนภาษาอังกฤษจากเพลง
สิทธิ์ในเนื้อเพลงยังคงเป็นของผู้แต่งเพลงหรือผู้ถือสิทธิ์เช่นเดิม
ขอบคุณ Workpoint สำหรับรายการดีๆ
และ Engfinity สำหรับที่มาบทความ
เรียนภาษาอังกฤษจากเพลง 12 เพลง Mask Singer เผลอใจรักภาษาอังกฤษ :ภาคแรก
เรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดี เรียนพูดภาษาอังกฤษ ด้วยคอร์สเรียนภาษาอังกฤษสนุกๆ กับสถาบันสอนภาษาอังกฤษแนวใหม่
ท่านสามารถติดตามเราได้หลายช่องทาง
Website : สนใจคลิ๊ก
Fan page : สนใจคลิ๊ก
Youtube : สนใจคลิ๊ก
Pantip : สนใจคลิ๊ก
สนใจเรียนภาษาอังกฤษกับ Engfinity
กรุณากรอกรายละเอียดด้านล่างให้ครบถ้วน